กีฬา, ข่าวทั่วไป, ฟุตบอล

แอร์เบไลป์ซิก 10 ตัวต้านไฟร์บวร์กยื้อเบียดดวลจุดโทษฟัน CHAMP เดเอฟเบโพคาล

แอร์เบไลป์ซิก

แอร์เบไลป์ซิก ทีมฟอร์แรงแห่งบุนเดสลีกาเยอรมัน ฟันถ้วยแชมป์ เดเอฟเบ โพคาล สมัยแรกไปครองได้สำเร็จ  หลังจากเอาชนะดวลจุดโทษทีมฟอร์มแกร่งร่วมลีกอย่างไฟร์บวร์ก 4-2 ทั้งที่เหลือเพียงแค่ 10 คน แต่ก็วิ่งสู้ฟัดกัดฟันสู้จนเสมอกันใน 120 นาที 1-1 ในรอบชิงชนะเลิศ ที่โอลิมเปีย สตาดิโอนในกรุงเบอร์ลินของเยอรมัน เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม 2022 ล้างอาถรรพ์หลังพ่ายในนัดชิงชนะเลิศมาสองซีซั้นซ้อน

แอร์เบไลป์ซิก เข้าป้ายในบุนเดสลีกาด้วยการคว้าอันดับ 4 พร้อมตั๋วไปลุยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกในรอบแบ่งกลุ่มแบบอัตโนมัติในฤดูกาลหน้า  ขณะที่ ไฟร์บวร์ก จบซีซั่นนี้ที่อันดับ 6 พร้อมคว้าตั๋วไปลุยศึกยูโรปา ลีกในฤดูกาลหน้า  หลังจากที่ซีซั่นนี้ทำผลงานได้อย่างเยี่ยมยอด  ก่อนที่จะมาฟอร์มสะดุดในโค้งสุดท้ายพลาดติดท็อปโฟร์ไปอย่างน่าเสียดาย

โดเมนิโก เทเดสโกหวังนำไลป์ซิกลบฝันร้ายฟันแชมป์รายการนี้ให้สำเร็จจงได้พร้อมขนชุดใหญ่ลงบู๊นำทัพโดยแข้งยอดยี่ยมแห่งซีซั่นนี้ประจำเวทีบุนเดสลีกาอย่างคริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู  ทางฝั่งไฟร์บวร์กหมายมั่นปั้นมือที่จะคว้าแชมป์ให้ได้เช่นกัน หลังจากสามารถทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้เป็นครั้งแรกในหน้าประวัติศาสตร์สโมสร

ไฟร์บวร์ก เป็นฝ่ายขึ้นนำอย่างพลิกความคาดหมายในนาทีที่ 19 โดยโรลันด์ ซัลไลม้วนตัวจับบอลแล้วเด้งไปโดนมือ  ก่อนที่บอลจะกลิ้งไปเข้าทางปืนของมาริโอ เอ็กเกซสไตน์ตะบันเต็มข้อล่อเต็มแข้งจากบริเวณวงกลมหน้าเขตโทษ แล้วบอลพุ่งเบียดเสาซ้ายเข้าไปตุงตาข่ายอย่างคมกริบ  แม้ว่าจังหวะนี้แข้งไลป์ซิกจะรุมเข้าประท้วงว่าเป็นลูกแฮนด์บอลของซัลไล แต่สุดท้ายผู้ตัดสินไปเช็กวีเออาร์แล้วมองว่าไม่ได้ตั้งใจแต่อย่างใด ทำให้เป็นประตูขึ้นนำของทีมจิ้งจอกแห่งป่าดำ 1-0

ไลป์ซิกเกือบทวงประตูคืนได้อย่างทันควันในนาทีที่ 24 เมื่อนิโคลัส เฮิฟเลอร์โหม่งเคลียร์บอลไม่ขาด  ทำให้บอลไปเข้าทางของเอ็นคุนคูจิ้มไปติดตัวนายทวารไฟร์บวร์ก  แต่จังหวะสุดท้ายยังมีนิโค่ ชลอทเทอร์เบ็คยืนคุมเส้นเคลียร์ทิ้งออกไปได้อย่างหวุดหวิด

สถานการณ์ของไลป์ซิกย่ำแย่ลงไปกว่าเดิมเมื่อต้องเหลือแข้งในสนามเพียงแค่ 10 ตัว  หลังจากที่มาร์เซล ฮัสสเตลแบร์กชิงเหลี่ยมเล่นบอลแล้วพลาดโดนลูคัส เฮอเลอร์วิ่งหนีพร้อมสปีดไปที่หน้าประตู  ทำให้ไม่มีทางเลือกต้องทำฟาวล์  แต่ดันเป็นแข้งตัวสุดท้ายทำให้โดนใบแดงไล่ออกจากสนามไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย

 

แอร์เบไลป์ซิก

 

โชคยังเข้าข้างให้แอร์เบไลป์ซิกตามตีเสมอได้สำเร็จ 1-1      

โดยคอนราด ไลเมอร์เปิดบอลโด่งจากทางด้านซ้ายไปให้วิลลี่ ออร์บานเบียดขึ้นโหม่งชนะคู่แข่งจนกลายเป็นการชงไปที่เสาแรก  ทำให้เอ็นคูนคูวิ่งตามเข้าไปแหย่เท้าเผาขนตุงตาข่ายในนาทีที่ 76

หลังจากนั้นต่างบวกสกอร์เพิ่มกันไม่ได้ ทำให้ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีกครึ่งละ 15 นาที  แล้วไฟร์บวร์กก็เป็นฝ่ายได้ลุ้นก่อนตั้งแต่นาทีที่ 93 จากการโขกไปชนเสาของหัวหอกตัวสำรองอย่างเอร์เมดิน เดมิโรวิช  ก่อนที่เพเทอร์ กูลาชชี่จะตามไปปัดทิ้งออกได้อย่างทันท่วงที

ไฟร์บวร์ก พลาดโอกาสได้ประตูชัยในนาทีที่ 104 เมื่อวินเซนโซ่ซัดบอลสวนจากการจิ้มทิ้งของลูคัส โคลสเทอร์มันน์  แล้วบอลอุตส่าห์ผ่านมือกูลาชชี่ไปได้แล้ว  แต่สุดท้ายยังไปชนโคนเสาขวาอย่างจัง  แม้ว่าจะกระดอนออกมาเข้าทางปืนของเดมิโรวิชได้ตามเข้าไปซ้ำดาบสอง  แต่ว่าดันกดไม่ลงซัดเหินข้ามคานไปอย่างน่าเหลือเชื่อเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

เกมนี้ไฟร์บวร์กไม่ได้พกดวงมาอย่างแท้จริง  หลังจากพลาดโอกาสทองที่จะได้ประตูชัยไปอีกครั้งในนาทีที่ 115 จากการตะบันของยานิก ฮาเบเรอร์อย่างเข้าข้อ  แต่ว่าไลป์ซิกดวงยังแข็งโป๊กที่บอลพุ่งเช็ดคานบนแบบที่ลูกนี้น่าโดนสุด ๆ ก่อนหมดเวลา 3 นาทีไลป์ซิกมีลุ้นจุดโทษจากการที่ตัวสำรองอย่างดานี่ โอลโม่โดนเฮิฟเลอร์สไลด์บอลใส่อย่างน่าหวาดเสียวในเขตโทษ  แต่ผู้ตัดสินไปเช็กวีเออาร์แล้วยังไม่มีน้ำหนักพอที่จะเป็นจุดโทษ  ทำให้สุดท้ายลงเอยใน 120 นาทีที่สกอร์ 1-1 และต้องไปตัดสินกันด้วยการ ดวลจุดโทษ  ก่อนที่จะเป็นทางฝั่งไฟร์บวร์กที่สังหารพลาดไป 2 รายทำให้พ่ายไปในการดวลเป้า 2-4

 

รายชื่อผู้เล่นตัวจริงที่ลงสนาม:

ไลป์ซิก (3-4-2-1): เพเทอร์ กูลาชชี่,  ลูคัส โคลสเทอร์มันน์,  วิลลี่ ออร์บาน,  โมฮาเหม็ด ซิมากาน (ยอสโก้ กวาร์ดิโอล นาทีที่ 113),  เบนยามิน เฮนริชส์,  คอลราด ไลเมอร์ (ไทเลอร์ อดัมส์ นาทีที่ 99), เควิน คัมเพิ่ล (ดานี่ โอลโม่ นาทีที่ 69),  มาร์เซล ฮัสสเตลแบร์ก (ใบแดง นาทีที่ 57),  เอมิล ฟอร์สเบิร์ก (นอร์ดี มูกีเล่ นาทีที่ 61),  คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู,  อันเดร ซิลวา (โดมินิกโซบอสซ์ไล นาทีที่ 61)

ผู้จัดการทีม: โดเมนิโก เทเดสโก

ไฟร์บวร์ก (3-4-2-1): มาร์ก เฟลกเค่น,  มานูเอล กุลเด่ (เควิน ชลอทเทอร์เบ็ค นาทีที่ 106),  ฟิลิพพ์ เลียนฮาร์ท,  นิโค่ ชลอทเทอร์เบ็ค,  ลูคัส คีบเลอร์ (โยนาธาน ชมิดท์ นาทีที่ 86),  มาริโอ เอ็กเกซไตน์ (บานิก ฮาเบเรอร์ นาทีที่ 86),  นิโคลัส เฮิฟเลอร์,  คริสเตียน กินเทอร์,  โรลันด์ ซันไล (เอร์เมดิน เดมิโรวิช นาทีที่ 79),  วินเซนโซ่ กรีโฟ่,  ลูคัส เฮอเลอร์ (นีล พีเดอร์เซ่น นาทีที่ 79)

ผู้จัดการทีม: คริสเตียน ชไตร์ช

ผู้ตัดสิน: ซาช่า สเตเกมันน์

rw24 banner