กีฬา, ข่าวทั่วไป, ฟุตบอล

สิ้นสุด 64 ปีแห่งการรอคอยเวลส์พกดวงเบียดยูเครน 1-0 ตีตั๋วไปกาตาร์ปลายปีนี้ | World Cup 2022

เวลส์

เวลส์ ตบเท้าเข้าสู่ศึก ฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้ายที่กาตาร์รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพในช่วงปลายปีนี้ได้สำเร็จ  หลังจากรอคอยมาอย่างยาวนานถึง 64 ปีเลยทีเดียว  โดยได้ประตูชัยจากการทำเข้าประตูตัวเองของ ยูเครน ในช่วงครึ่งแรก  ทำให้ ทีมมังกรแดง เบียดชนะยูเครนไปได้แบบหืดขึ้นคอ 1-0 ในเกมเพลย์ออฟโซนยุโรป รอบชิงชนะเลิศ ในคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ สเตเดี้ยม เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน 2022

ทั้งสองฝ่ายต่างเล่นกันได้อย่างสูสีดูแทบไม่ออกว่าทีมใดเหนือกว่าในช่วง 15 นาทีแรก  ก่อนที่ยูเครนจะเป็นฝ่ายได้เสียวก่อนในนาทีที่ 23 จากการเดินเกมรุกขึ้นมาทางด้านซ้าย แล้ววิคเตอร์ ซีกานคอฟได้ช่องปาดเข้าไปในเขตโทษย้อนไปที่เสาไกล ก่อนที่บอลจะมาเข้าทางปืนของโอเล็กซานเดอร์ คาราวาเยฟสอดมาซัดวืดในจังหวะแรก แต่ก็แก้ตัวด้วยการหมุนตัวมาหวดบอลแฉลบย้อยเข้ามือของเวย์น เฮนเนสซี่ย์

หลังจากนั้นทางฝั่ง ยูเครน กลายเป็นบอลได้ใจจัดใส่ไปอีกสองชุดใหญ่ในนาทีที่ 28 เมื่อโรมัน ยาเร็มชุคถอยลงมาเชื่อมบอลจากกลางสนามพร้อมยกบอลออกไปทางด้านซ้ายให้วิคเตอร์ ซีกานคอฟหลุดเดี่ยวขึ้นไปแตะบอลเข้าเขตโทษปั่นด้วยขวาบอลโค้งหลุดเสาสองออกหลัง แต่ก็เป็นจังหวะล้ำหน้า

ทีมเยือนบุกเข้าใส่เป็นระลอกพร้อมได้ลุ้นอีกดอกในนาทีที่ 30 จากการประสานกันหน้าเขตโทษ โดยที่อังเดร ยาร์โมเลนโก้ฝากบอลชิ่งไปที่โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ได้ชองซัดเต็มข้อล่อเต็มแข้ง  แต่ก็ยังติดเซฟของเฮนเนสซี่ย์ที่ตบบอลทิ้งออกไปได้ทันท่วงที

 

เวลส์

 

เวลส์มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 กลายเป็นประตูชัยไปในเกมนี้

แม้ว่ายูเครนจะเป็นฝ่ายโหมเกมรุกเข้าใส่อย่างต่อเนื่องพร้อมได้เสียวเป็นระยะ ในนาทีที่ 34 เมื่อแกเร็ธ เบล ดาวเตะของแชมป์ลา ลีกาสเปนอย่างเรอัล มาดริด บรรจงปั่นฟรีคิกจากทางด้านซ้าย  แล้วบอลโค้งเข้าไปในเขตโทษ  ก่อนที่ยูเครนจะโชคร้ายจากการที่ยาร์โมเลนโก้โหม่งสกัดผิดเหลี่ยมกลายเป็นบอลเปลี่ยนทางเข้าประตูตัวเองไปในที่สุด

ทีมมังกรแดง พลาดโอกาสทองที่จะบวกสกอร์เพิ่มหลังเปิดฉากครึ่งหลังไปได้เพียงแค่ 3 นาที  โดยแดเนี่ยล เจมส์โชว์สเต็ปเทพพาบอลแหวกขึ้นมาจากครึ่งสนามพร้อมฝากบอลออกไปทางด้านซ้ายให้คีฟเฟอร์ มัวร์แตะเข้าเขตโทษแล้วหักย้อนมาเข้าทางปืนของอารอน แรมซี่ย์ตั้งเท้าชาร์จเผาขนแบบไร้ตัวประกบหลุดเสาสองออกหลังไปอย่างเหลือเชื่อ

พลพรรคมังกรแดง ยังคงเล่นกันได้อย่างคึกคัก และจากแรงเชียร์ของแฟนบอลที่แห่แหนกันเข้ามาให้กำลังใจแน่นคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ สเตเดี้ยม ทำให้มีลุ้นเม็ดสองในนาทีที่ 62 เมื่อแรมซี่ย์ยกบอลหนีการบล็อกของแนวรับยูเครนเข้าไปในเขตโทษ  ก่อนที่เจมส์จะซัดบอลแฉลบย้อยหวิดเสียบใต้คาน  แต่ว่าจอร์จี้ บุชชานยังโชว์ซูเปอร์เซฟผวาปัดบอลข้ามคานไปได้แบบเส้นยาแดงฝ่าแปดเลยทีเดียว

ช่วง 15 นาทีสุดท้ายเป็นฝ่ายมังกรแดงที่มีลุ้นบวกสกอร์เพิ่มอย่างต่อเนื่อง  โดยเบลไหลบอลออกไปทางด้านขวาให้คอนเนอร์ โรเบิร์ตส์เติมเกมรุกขึ้นมาเปิดยัดเข้าไปในเขตโทษ  แล้วบอลลอยย้อยไปที่เสาไกลเข้าทางปืนของตัวสำรองอย่างเบรนแดน จอห์นสันล้มตัวซัดชนโคนเสาเด้งออกมาอย่างน่าเสียดาย  ก่อนที่เบลจะได้โอกาสทองซัดเหน่ง ๆ แต่ก็ยังติดเซฟของบุชชาน

ยูเครนในลุ้นตีเสมอเป็นเฮือกสุดท้ายในช่วงก่อนหมดเวลา  โดยวิตาลี่ มิโคเลนโก้เติมเกมรุกทางด้านซ้ายแล้วยกบอลเข้าไปในเขตโทษโค้งไปตกใส่หัวของตัวสำรองอย่างอาร์เต็ม โดฟบิคขวิดบอลเปลี่ยนทาง  แต่ว่าเฮนเนสซี่ย์โชว์ซูเปอร์เซฟช็อตสำคัญสุดในเกมนี้ด้วยการบินปัดได้อย่างสุดเซอร์ไพรส์

ชัยชนะสำคัญในแมตช์นี้ ทำให้เวลส์ได้ผ่านเข้าสู่ศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 2 ในประวัติศาสตร์  หลังจากก่อนหน้านี้เคยไปลุยบอลโลกรอบสุดท้ายมาแล้ว แต่ต้องย้อนกลับไปถึงในปี 1958 เลยทีเดียว

 

รายชื่อผู้เล่นตัวจริงที่ลงสนาม:

เวลส์ (4-4-2): เวย์น เฮนเนสซี่ย์,  คอนเนอร์ โรเบิร์ตส์,  เบน เดวิส,  โจ โรดอน,  เนโก วิลเลี่ยมส์ (รีธส์ นอร์ริงตัน เดวี่ส์ นาทีที่ 93),  อีธาน แอมพาดู,  แอรอน แรมซี่ย์,  โจ อัลเลน,  แดเนี่ยล เจมส์ (เบรนแดน จอห์นสัน นาทีที่ 71),  แกเร็ธ เบลล์ (แฮร์รี่ วิลสัน นาทีที่ 83),  คีฟเฟอร์ มัวร์

ผู้จัดการทีม: โรเบิร์ต เพจ (รักษาการ)

ยูเครน (4-1-4-1): จอร์จี้ บุชชาน,  โอเล็กซานเดอร์ คาราวาเยฟ,  อิลิย่า ซาบาร์นยี่,  นิโคล่า มัตวิเยนโก้,  มิตาลี่ มิโคเลนโก้,  ทาราส สตาปาเนนโก้ (เซอร์เกย์ ซีดอร์ชุค นาทีที่ 70),  อังเดร ยาร์โมเลนโก้,  รุสสัน มาลินอฟสกี้ (มีโกล่า ชาปาเรนโก้ นาทีที่ 70),  โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้,  วิคเตอร์ ซีกานคอฟ (มิไคโล มูดริค นาทีที่ 77),  โรมัน ยาเร็มชุค (อาร์เต็ม โดฟบิค นาทีที่ 77)

ผู้จัดการทีม: โอเล็กซานเดอร์ เปตราคอฟ

ผู้ตัดสิน: อันโตนิโอ มาเตว ลาออซ (สเปน)

rw24 banner

Related Posts