หงส์แดง ผงาดขึ้นไปรั้งจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ หลังจากเปิดแอนฟิลด์เอาชนะวัตฟอร์ดไปได้ตามเป้าหมาย 2-0 ในเกมลีกสูงสุดเมืองผู้ดี เมื่อค่ำคืนวันเสาร์ที่ 2 เมษายน 2022 ทำให้พลพรรค ลิเวอร์พูล แซงแมนเชสเตอร์ ซิตี้ขึ้นไปรั้งนั่งบัลลังก์จ่าฝูงชั่วคราว หลังจากโกยไปเพิ่มเป็น 72 คะแนน จาก 30 นัด แซงหน้าเรือใบสีฟ้า ซึ่งมีคิวออกไปเยือนทีมรองบ๊วยอย่างเบิร์นลี่ย์ ตามเวลาในบ้านเรา 21.00 น. ห่าง 2 แต้ม
หงส์แดงแซงเรือใบนำฝูงหลังตบแตนตามเป้า
ลิเวอร์พูลแซงหน้าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ขึ้นไปรั้งตำแหน่งจ่าฝูงชั่วคราวได้สำเร็จ หลังจากเปิดรังไล่ทุบทีมในโซนหนีตายอย่างวัตฟอร์ดไปเบา ๆ 2-0 ในเกมพรีเมียร์ลีกเมื่อค่ำคืนวันที่ 2 เมษายน 2022 ทำให้ ลิเวอร์พูล แซงหน้าเรือใบสีฟ้าขึ้นไปรั้งบัลลังก์จ่าฝูงห่างสองแต้ม รวมทั้งยังเป็นการเดินหน้ากวาดชัยในลีกติดต่อกันเป็นนัดที่ 10 นับตั้งแต่ที่ออกไปเสมอเชลซีสุดมัน 2-2 เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2022
เกมนี้ลิเวอร์พูลขาดเพียงแค่เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ็กขวาทีมชาติอังกฤษ ที่ยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ ทำให้จำเป็นต้องส่งโจ โกเมซลงทำหน้าที่แทนในตำแหน่งแบ็กขวา โดยมีสามประสานในแผงหน้าอย่างโมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซุปตาร์ทีมชาติอียิปต์, ดีโอโก้ โชต้า ดาวยิงทีมชาติโปรตุเกส และโรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ หัวหอกจอมเก๋าทีมชาติบราซิล ขณะที่วัตฟอร์ดพร้อมส่งชุดที่สุดบุกเยือนโดยมีอิสไมล่า ซาร์ ดาวเตะทีมชาติมาลี เป็นตัวชูโรง
เปิดฉากมาทั้งฝ่ายก็เริ่มทักทายกันอย่างทันควัน โดยที่ลิเวอร์พูลได้เป็นฝ่ายออกหมัดก่อนจากจังหวะเก็บตกของซาลาห์ได้ที่เสาไกลพร้อมซัดหลุดกรอบออกไป แต่วัตฟอร์ดก็ตอบโต้ทันทีจากการตะบันด้วยขวาหน้าเขตโทษแบบไม่จับของซาร์ข้ามคานไปนิดเดียวเท่านั้นเอง
ลิเวอร์พูล หวิดงานเข้าอย่างเต็มเปาในนาทีที่ 22 เมื่อยูราจ์ คุซก้าหลุดเดี่ยวเข้าไปได้กดที่เสาแรก แต่ว่าอลีสซง เบ็คเกอร์ยังออกมาปิดมุมได้อย่างทันควัน ก่อนที่ประตูมือหนึ่งทีมชาติบราซิลจะใช้เท้าเซฟออกไปได้
หลังจากนั้นอีกเพียงแค่นาทีเดียวเท่านั้น ลิเวอร์พูลก็มาได้ประตูปลดล็อกพร้อมทะยานขึ้นนำ 1-0 โดยโจ โกเมซ แบ็กขวาดีกรีทีมชาติอังกฤษ เติมเกมรุกขึ้นมาเปิดบอลจากทางด้านกราบขวาเข้าไปในเขตโทษให้โชต้าพุ่งโฉบตัดหน้านายทวารวัตฟอร์ดอย่างเบน ฟอสเตอร์ส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายให้แฟน หงส์แดง ได้เฮกันกระหึ่มแอนฟิลด์
ลิเวอร์พูลเกือบบวกสกอร์เพิ่มเป็น 2-0 ได้ในนาทีที่ 38 จากจังหวะที่ต่อบอลสั้นกันหน้าบริเวณหน้าเขตโทษของวัตฟอร์ด ก่อนที่โฌแอล มาติป ปราการหลังจอมเก๋าชาวแคเมอรูน จะเติมเกมรุกขึ้นมาไขว้บอลไปที่ช่องว่างให้โชต้าได้กดเต็มข้อล่อเต็มแข้งที่เสาไกล แต่ฟอสเตอร์ก็ยังช่วยเซฟแตนอาละวาดเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด
เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ หัวใจในแนวรับทีมชาติฮอลแลนด์ หวิดพังประตูให้ ลิเวอร์พูล นำห่าง 2-0 จากการได้โขกจ่อ ๆ ในนาทีที่ 56 แต่ว่าบอลเหินข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย
เจอร์เก้น คล็อปป์ปรับหมากให้ลิเวอร์พูลด้วยการส่งไพ่ใบแรกอย่างฟาบินโญ่ ดาวเตะสารพัดประโยชน์ทีมชาติบราซิล ลงมาทำหน้าที่ในแผงกลางแทนที่ของเคอร์ติส โจนส์ในนาทีที่ 62 และอีก 4 นาทีถัดมาก็แผลงฤทธิ์ทันทีด้วยการตักบอลเข้าเขตโทษให้ซาลาห์ได้โอกาสขึ้นโขก แต่ว่าซุปตาร์ทีมชาติอียิปต์โหนโหม่งบอลมากเกินไปทำให้ไปตกใต้คาน
หลังจากนั้นเกมก็ตกอยู่ภายใต้กำมือของลิเวอร์พูลอย่างสิ้นเชิง แต่ว่าพลพรรค หงส์แดง ก็เล่นด้วยความระมัดระวังหวังสามแต้มเป็นสำคัญ และไม่เดินหน้าบุกอย่างบ้าระห่ำแต่อย่างใด
เกมทำท่าว่าจะลงเอยด้วยสกอร์ที่ลิเวอร์พูลเบียดชนะไป 1-0 เท่านั้น ก่อนที่ในนาทีที่ 88 หงส์แดง มาได้จุดโทษแบบส้มหล่น หลังจากที่ผู้ตัดสินเช็กวีเออาร์ย้อนหลังจากจังหวะที่คุซก้าไปทำฟาวล์โชต้าในเขตโทษก่อนหน้านี้ ก่อนที่จะชี้ไปที่จุดโทษ และฟาบินโญ่รับหน้าที่สังหารอย่างเฉียบขาดเป็นประตูปิดกล่องให้เจ้าถิ่นเอาชนะไปอย่างสบายเกือก 2-0
รายชื่อผู้เล่นตัวจริงที่ลงสนาม:
ลิเวอร์พูล (4-3-3): อลีสซง เบ็คเกอร์, โจ โกเมซ, โฌแอล มาติป, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เคอร์ติส โจนส์ (ฟาบินโญ่ นาทีที่ 62), ติอาโก้ อัลกันตาร่า (เจมส์ มิลเนอร์ นาทีที่ 90), โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (ซาดิโอ มาเน่ นาทีที่ 69), โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, ดีโอโก้ โชต้า
ผู้จัดการทีม: เจอร์เก้น คล็อปป์
วัตฟอร์ด (4-3-3): เบน ฟอสเตอร์, กิโก้ เฟเมเนีย, คริสติย็อง กาบาเซเล่, “ซาเมียร์” กาเอตาโน่ เดอ ซูซ่า ซานโต๊ส, ฮาสซาน กามาร่า, มุสซ่า ซิสโซโก้, อิมราน ลูฟ่า (ทอม เคลฟเวอรี่ นาทีที่ 78), ยูราจ์ คุซก้า, อิสไมล่า ซาร์, คูโช่ (เอ็มมานูเอล เดนนิส นาทีที่ 78), ชูเอา เปโดร (โจชัว คิง นาทีที่ 78)
ผู้จัดการทีม: รอย ฮ็อดจ์สัน
ผู้ตัดสิน: สจ๊วร์ต แอ็ตต์เวลล์

