ลิเวอร์พูล ผงาดกลับขึ้นไปรั้งจ่าฝูง พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2021 -2022 อีกครั้ง หลังจากเปิดแอนฟิลด์ไล่ต้อนคู่กัดตลอดกาลอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปแบบหมดสภาพ 4-0 ในเกมลีกสูงสุดเมืองผู้ดีนัดแดงเดือด เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2022 ทำให้หงส์แดงสยายปีกแซงหน้าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ไปสองแต้ม แถมโยนความกดดันให้เรือใบสีฟ้าที่มีคิวเปิดเอติฮัด สเตเดี้ยมต้อนรับการมาเยือนของแจ็คผู้ฆ่ายักษ์อย่างไบรท์ตัน ซึ่งเพิ่งไล่ตบเหล่าทีมที่ลุ้นท็อปโฟร์ทั้งอาร์เซน่อล และสเปอร์ส มาสด ๆ ร้อน ๆ ในวันที่ 20 เมษายน 2022
เกมนี้แมนฯยูฯขาดหัวใจของทีมอย่างคริสเตียโน่ โรนัลโด้ หลังจากเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 5 สมัยชาวโปรตุกีสเพิ่งจะสูญเสียลูกชายฝาแฝดไปหมาด ๆ รวมทั้งเกมนี้นักเตะทั้งสองฝ่ายยังไว้อาลัยต่อเหตุการณ์น่าสลดของ “ซีอาร์ 7” ปลอกแขนสีดำ ทำให้ราล์ฟ รังนิก กุนซือขัดตาทัพของปีศาจแดงจำเป็นต้องใช้บริการมาร์คัส แรชฟอร์ด ดาวยิงทีมชาติอังกฤษ ประสานงานร่วมกับแอนโธนี่ อีลังก้า เจ้าหนูดาวโรจน์ชาวสวีดิช และบรูโน่ แฟร์นันด์ส
ทางด้านลิเวอร์พูลกระหายในชัยชนะเกมนี้เป็นอย่างยิ่งเพราะว่าจะชิงขึ้นไปรั้งจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกชั่วคราว แม้ว่าจะแข่งมากกว่าแมนฯซิตี้หนึ่งเกมก็ตาม และเจอร์เก้น คล็อปป์ก็ใช้งานแข้งชุดเอ๊กซ์แอลที่ปราบเรือใบสีฟ้าไปได้ในศึกเอฟเอ คัพรอบตัดเชือกเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2022 นำทัพโดยสามประสานในแนวรุกอย่างโมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซุปตาร์ทีมชาติอียิปต์, ซาดิโอ มาเน่ เจ้าของแชมป์แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพจากเซเนกัล และหลุยส์ ดิอาซ สตาร์ทีมชาติโคลอมเบีย
สาวก หงส์แดง ได้เฮกันสนั่นลั่นแอนฟิลด์ตั้งแต่นาทีที่ 5 หลังจากทีมสุดรักได้ประตูปลดล็อกพร้อมขึ้นนำอย่างรวดเร็ว โดยมาจากการประสานงานกันอย่างลงตัวของเครื่องจักรสีแดง แล้วมาเน่ถอยลงมาเก็บบอลจากกลางสนามพร้อมแทงออกขวาไปให้ซาลาห์หลุดขึ้นไปลากเดี่ยวจนได้ช่องแล้วจึงปาดเข้ามาในกรอบ 6 หลาหน้าปากประตู ก่อนที่ดิอาซจะมาตามนัดซัดเผาขนไม่เหลือซาก 1-0
แมนฯยูฯจำเป็นต้องเสียโควต้าเปลี่ยนตัวคนแรกตั้งแต่นาทีที่ 10 เมื่อปอล ป๊อกบา อาร์ตตัวพ่อทีมชาติฝรั่งเศส มีอาการบาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหว ทำให้ต้องส่งเจสซี่ ลินการ์ดลงมาทำหน้าที่แทน
ลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายบุกเข้าใส่ชนิดปูพรหมเลยทีเดียว และหงส์แดงมาสยายปีกหนีห่างออกไปเป็น 2-0 จากจังหวะที่โฌแอล มาติป สิงห์เฒ่าชาวแคเมอรูน เติมเกมรุกขึ้นมาฝากบอลชิ่งออกทางหน้าเขตโทษด้านซ้าย ก่อนที่มาเน่จะตวัดตามน้ำขวางไปให้ซาลาห์สอดเอาชนะดีโอโก้ ดาโลต์พร้อมแปด้วยซ้ายผ่านดาบิด เด เคอา นายทวารจอมเก๋าทีมชาติสเปน เข้าไปตุงตาข่ายในนาทีที่ 22
ลูกทีมของคล็อปป์น่าจะนำห่างอย่างขาดลอยออกไปเป็น 3-0 เมื่อฟาบินโญ่ ดาวเตะสารพัดประโยชน์ทีมชาติบราซิล เก็บตกบอลหน้าเขตโทษพร้อมแหวกเข้าไปในเขตโทษทางด้านขวา ก่อนที่จะจ่ายย้อยไปถึงเสาไกลให้ดิอาซตามชาร์จเข้าไปตุงตาข่าย แต่โดนผู้ตัดสินจับเป็นลูกล้ำหน้า
ปีศาจแดงมีโอกาสตีไข่แตกแต่ก็ทำไม่ได้
นาทีที่ 63 โดยเจดอน ซานโช่ จรวดทางเรียบทีมชาติอังกฤษ โชว์ลีลาสุดพลิ้วมาบอลขึ้นมาทางด้านซ้ายพร้อมแหวกเข้าในและแทงเข้าช่องไปให้แรชฟอร์ดได้เข้าไปล่อเป้าอลิซอน เบ็คเกอร์จากหน้ากรอบ 6 หลา แต่ว่าจอมหนึบมือหนึ่งทีมชาติบราซิลยังเซฟเอาไว้ได้ แม้ว่าบอลจะไปเข้าทางปืนอีลังก้าตามซ้ำดาบสองแต่ก็ยังคงปล่อยให้โอกาสทองหลุดลอยไป
เมื่อมีโอกาสแล้วทำไม่ได้ ปีศาจแดงจึงโดนหงส์แดงลงโทษทันทีในอีก 5 นาทีถัดมา โดยแอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แบ็กซ้ายไดนาโมทีมชาติสกอตแลนด์ พาบอลแหวกขึ้นมาจากจังหวะสวนกลับพร้อมดีดบอลต่อให้ดิอาซ ก่อนที่อดีตสตาร์ปอร์โต้จะยกบอลไปที่บริเวณจุดโทษ แล้วมาเน่ตั้งเท้าแปด้วยซ้ายบอลกระดอนผ่านมือเด เคอาเสียบเสาไกลเข้าไป 3-0
เท่านั้นมันยังไม่หนำใจ ลิเวอร์พูล มาได้ประตูตอกฝาโรงทิ้งห่างแมนฯยูฯไปอย่างยับเยิน 4-0 จากจังหวะที่ดักตัดบอลได้ทางด้านขวา แล้วบอลไหลมาเข้าทางดีโอโก้ โชต้า ดาวยิงทีมชาติโปรตุเกส ซึ่งเกมนี้ถูกเปลี่ยนลงมาเป็นตัวสำรอง แทงบอลขวางเข้าไปในเขตโทษให้ซาลาห์หลุดกับดักล้ำหน้า แม้ว่าจะซัดไปติดบล็อกของอารอน วาน-บิสซาก้าแต่บอลก็ย้อยข้ามหัวเด เคอาเข้าไปตุงตาข่าย 4-0
รายชื่อผู้เล่นตัวจริงที่ลงสนาม:
ลิเวอร์พูล (4-3-3): อลิซอน เบ็คเกอร์, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โฌแอล มาติป, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่ (เจมส์ มิลเนอร์ นาทีที่ 86), ติอาโก้ อัลคันทาร่า (นาบี เกอิต้า นาทีที่ 80), โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่, หลุยส์ ดิอาซ (ดีโอโก้ โชต้า นาทีที่ 70)
ผู้จัดการทีม: เจอร์เก้น คล็อปปป์
แมนฯยูฯ (4-3-3): ดาบิด เด เคอา, ฟิล โจนส์ (เจดอน ซานโช่ นาทีที่ 46), แฮร์รี่ แม็คไกวร์, วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ, อารอน วาน-บิสซาก้า, ปอล ป๊อกบา (เจสซี่ ลินการ์ด นาทีที่ 10), เนมานย่า มาติช, ดีโอโก้ ดาโลต์, แอนโธนี่ อีลังก้า (ฮานนิบาล เมจบรี้ นาทีที่ 84), มาร์คัส แรชฟอร์ด, บรูโน่ แฟร์นันด์ส
ผู้จัดการทีม: ราล์ฟ รังนิก
ผู้ตัดสิน: มาร์ติน แอตกินสัน

