เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือมือเทพชาวเยอรมัน มีลุ้นนำ ลิเวอร์พูล ประกาศความยิ่งใหญ่ด้วยการกวาดหมดทุกแชมป์ที่ขวางหน้าฟาดเรียบทุกถ้วยในฤดูกาลนี้ หลังจากที่เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปได้สุดระทึกชนิดที่หายใจกันไม่ทั่วท้องในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 3-2 ในรอบรองชนะเลิศศึก เอฟเอคัพ ที่เวมบลี่ย์ เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2022 ทำให้ตบเท้าเข้าไปรอลุ้นถ้วยใบที่ 2 ของซีซั่นนี้ด้วยการรอดวลกับผู้ชนะระหว่างเชลซีหรือคริสตัล พาเลซเป็นด่านสุดท้าย หลังจากที่ก่อนหน้านี้หงส์แดงประเดิมแชมป์แรกในซีซั่นนี้ไปด้วยการฟันถ้วยคาราบาว คัพไปเรียบร้อยแล้ว
เกมนี้คล็อปป์ขนชุดใหญ่ไซส์เอ็กซ์แอลลงกันอย่างครบครัน โดยเปิดโอกาสให้หลุยส์ ดิอาซ สตาร์ทีมชาติโคลอมเบีย ได้มีโอกาสสัมผัสเกมใหญ่ที่เวมบลี่ย์ด้วยการลงเป็นสามประสานในแดนหน้าร่วมกับโมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซุปตาร์ทีมชาติอียิปต์ และซาดิโอ มาเน่ เจ้าของแชมป์แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ 2022 จากเซเนกัล
ทางด้านเป๊ป กวาร์ดิโอล่าอาการโคม่าไม่น้อยเมื่อแมตช์สำคัญนี้ต้องอดใช้บริการแบ็กขวาตัวเก่งทีมชาติอังกฤษอย่างไคล์ วอล์คเกอร์ที่เดี้ยงมาจากเกมยุโรปเมื่อกลางสัปดาห์ เช่นเดียวกับเควิน เดอ บรอยน์ จอมทัพทีมชาติเบลเยี่ยม ที่ยังไม่ฟิตพอต้องรอสตาร์ทที่ม้านั่งสำรอง แถมยังส่งแซค สเตฟเฟ่น นายทวารหมายเลขหนึ่งทีมชาติสหรัฐอเมริกา ลงเฝ้าเสาในเกมสุดยิ่งใหญ่ที่เวมบลี่ย์อีกด้วย
นาทีที่ 9 แฟนหงส์แดงที่ขนกันเข้าไปเชียร์ทีมรักกันแน่นเวมบลี่ย์ต่างพากันเฮลั่น หลังจากทีมโปรดชิงความได้เปรียบเอาไว้ด้วยการเป็นฝ่ายขึ้นนำ 1-0 เมื่ออิบราฮิมา โกนาเต้ ปราการหลังดาวโรจน์ทีมชาติฝรั่งเศส โขกลูกเตะมุมจากการเปิดของแอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แบ็กซ้ายจอมบุกทีมชาติสกอตแลนด์ เข้าไปตุงตาข่าย
นาทีที่ 17 หงส์แดง ตีปีกหนีห่างออกไปเป็น 2-0 หลังจากที่นายด่านชาวอเมริกันโดนมาเน่วิ่งตามเข้าไปกดดันจนทำให้ตกม้าตายพลาดจากการออกบอลในกรอบ 6 หลาหน้าปากประตูตัวเอง โดยโดนแข้งทองคำของเซเนกัลบีบเข้าไปจนเตะพลาดถูกชาร์จเผาขนเข้าไปตุงตาข่าย 2-0 เล่นเอางานนี้แฟนเรือใบสีฟ้าต่างพากันแทบแทรกแผ่นดินหนีไม่ทันเลยทีเดียว

นาทีสุดท้ายของครึ่งแรกลิเวอร์พูลคุมเกม
นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของลิเวอร์พูลอย่างเบ็ดเสร็จหลังเผด็จศึกเพิ่มได้อีกเม็ดพร้อมทิ้งห่างไปอย่างไม่เห็นฝุ่น 3-0 โดยลูกนี้ได้มาจากการประสานงานกันอย่างสุโค่ยของเครื่องจักรสีแดง ก่อนที่ติอาโก้ อัลกานตาร่า มิดฟิลด์จอมเก๋าเท้าชั่งทองทีมชาติสเปน จะตักบอลให้มาเน่จัดเม็ดสองของเขาในเกมนี้ด้วยการเอี้ยวตัววอลเลย์บอลพุ่งติดไซด์ก้อยเบียนเข้าโคนเสาแรกไปอย่างเด็ดขาด ทำให้มีลุ้นตะบันแฮตทริกที่เวมบลี่ย์อีกด้วย
นาทีที่ 47 เรือใบสีฟ้า ดูเหมือนจะกลับคืนสู่เกมได้อีกครั้ง หลังจากได้ประตูตีไข่แตกอย่างรวดเร็ว โดยได้มาจากจังหวะที่ตัดบอลได้ทางด้านขวา แล้วแฟร์นานดินโญ่พาบอลแหวกไหลเข้าไปในเขตโทษให้กาเบรียล เชซุส หัวหอกทีมชาติบราซิล สอดขึ้นมาตบเข้าในใส่พานทองให้แจ็ค กรีลิช จอมเทคนิคทีมชาติอังกฤษ กดเสียบเสาแรกเข้าไปไม่เหลือซาก 1-3
กว่าที่แมนฯซิตี้จะไล่บี้มาเป็น 2-3 ก็แทบช้าไม่ทันแกงไปแล้ว หลังจากต้องรอจนเข้าสู่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีแรก โดยริยาร์ด มาห์เรซ สตาร์ทีมชาติแอลจีเรีย สอดตัดหน้าโรเบิร์ตสันจนได้ช่องหวังซัดบอลลอดขาอลิซอน เบ็คเกอร์ แต่โชคก็ยังเข้าข้างลูกทีมกวาร์ดิโอล่าที่บอลติดหว่างขานายด่านทีมชาติบราซิลกลายเป็นดีชะลอไปเข้าทางเสาไกลให้แบร์นาโด้ ซิลวา ปีกตัวจี๊ดทีมชาติโปรตุเกส ตามเข้ามาชาร์จเผาขนไล่เข้ามาหายใจลดต้นคอ 2-3
แม้ว่า แมนฯซิตี้ จะเร่งเครื่องสุดกำลังในช่วงที่เหลือของช่วงทดเวลาบาดเจ็บ และมีโอกาสที่จะตีเสมอได้จากการโหมบุกเข้าใส่เป็นพายุ แต่ก็ต้องแทบหงายเงิบไปเหมือนกันกับการสวนกลับแต่ละดอกของลิเวอร์พูล โดยหงส์แดงมีโอกาสตอกฝาโรงได้จากทั้งซาลาห์ และโรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ดาวยิงจอมเก๋าทีมชาติบราซิล ซึ่งถูกส่งลงไปเป็นตัวสำรองในช่วงท้ายเกม แต่สุดท้ายก็ไม่มีสกอร์เพิ่ม และลงเอยด้วยชัยชนะของลูกทีมคล็อปป์ 3-2
รายชื่อผู้เล่นตัวจริงที่ลงสนาม:
ลิเวอร์พูล (4-3-3): อลิซอน เบ็คเกอร์, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, อิบราฮิมา โกนาเต้, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, นาบี เกอิต้า (จอร์แดน เฮนเดอร์สัน นาทีที่ 73), ฟาบินโญ่, ติอาโก้ อันกานตาร่า (เคอร์ติส โจนส์ นาทีที่ 87), โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ (ดีโอโก้ โชต้า นาทีที่ 85), หลุยส์ ดิอาซ (โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ นาทีที่ 85)
โค้ช: เจอร์เก้น คล็อปป์
แมนฯซิตี้ (4-3-3): แซค สเตฟเฟ่น, ชูเอา กานเซโล่, จอห์น สโตนส์, นาธาน อาเก้, โอเล็กซานเดร์ ซินเชนโก้, แบร์นาร์โด้ ซิลบา, แฟร์นานดินโญ่, ฟิล โฟเด้น, กาเบรียล เชซุส (ริยาด มาห์เรซ นาทีที่ 83), ราฮีม สเตอร์ลิง, แจ็ค กรีลิช
โค้ช: เป๊ป กวาร์ดิโอลาร์
กรรมการ: ไมเคิ่ล โอลิเวอร์

