โอกาสที่ ลิเวอร์พูล จะจารึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่บนโลกลูกหนังด้วยการกวาดทั้ง 4 แชมป์ภายในฤดูกาลเดียวนั้นมันหลุดลอยไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากโดนแมนเชสเตอร์ ซิตี้ปาดหน้าคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2021 – 2021 ไปแบบระทึกใจคอลูกหนังทั่วทั้งโลกจากการพลิกนรกแซงชนะแอสตัน วิลล่า 3-2 ด้วยการรัวสามดอกรวดใน 15 นาทีสุดท้ายของเกมปิดซีซั่นที่เอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม 2022 แม้ว่า หงส์แดง จะทำได้ตามเป้าหมายของตนเองด้วยการเปิดแอนฟิลด์แซงชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน ไปได้ในช่วงท้ายเกม 3-1 แต่สุดท้ายหงส์แดงก็โดนเรือใบสีฟ้าเฉือนไปแบบแสบทรวงเพียงแค่แต้มเดียวเท่านั้นเอง
บรรยากาศในแอนฟิลด์แทบเงียบเป็นเป่าสากไม่ต่างไปจากป่าช้าตั้งแต่นาทีที่ 3 เมื่อวูล์ฟแฮมป์ตั้นบุกมาขึ้นนำอย่างเซอร์ไพรส์ไปอย่างรวดเร็ว โดยอิบราฮิม่า โกนาเต้โหม่งสกัดบอลผิดเหลี่ยมไปเข้าทางของราอูล ฮิเมเนซ ก่อนที่หัวหอกชาวเม็กซิโกจะลากขึ้นไปทางด้านซ้ายพร้อมจ่ายไปที่เสาไกลให้เปโดร เนโต้ชาร์จเหน่ง ๆ ไม่เหลือซาก 1-0
หลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายก็ต่างผลัดกันรุกผลัดกันรับอย่างเร้าใจแฟนบอลทั่วทั้งสนาม ก่อนที่หงส์แดงจะส่งลูกเข้าไปตุงตาข่ายได้ในนาทีที่ 24 จากจังหวะที่ติอาโก้ อัลกันตาร่าโชว์สเต็ปเทพไขว้บอลให้ซาดิโอ มาเน่ลากเข้าไปในเขตโทษด้านซ้ายซัดยัดมุมแคบผ่านตัวนายทวารทีมหมาป่าแห่งเมืองผู้ดีอย่างโช่เซ่ ซาเข้าไปตุงตาข่ายตีเสมอกลับคืนสู่เกมได้สำเร็จ 1-1
หงส์แดง พยายามเร่งเครื่องเต็มสูบเพื่อหวังพังประตูขึ้นนำให้ได้ หลังจากได้รับข่าวดีว่าคู่ปรับอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้โดนแอสตัน วิลล่าภายใต้การกุมบังเหียนของอดีตลูกหม้อหงส์แดงอย่างสตีเว่น เจอร์ราร์ดบุกไปนำ 1-0
แต่จากการที่หงส์แดงพยายามโหมเกมรุกอย่างหนักทำให้แนวรับต้องดันขึ้นสูงขึ้นไปเติมเกมบุก แล้วโดนวูล์ฟแฮมป์ตันโจมตีจากการที่แผงหลังเจ้าถิ่นลอยขึ้นมาสูง โดยแทงบอลทะลุช่องให้ฮวาง อี-ซาน ดาวเตะทีมชาติเกาหลีใต้ หลุดกับดักล้ำหน้าหลุดเดี่ยวเข้าไปล่อเป้าอลีสซง เบ็คเกอร์ แต่จอมหนึบมือหนึ่งทีมชาติบราซิลอ่านเกมขาดออกมาปิดมุมได้อย่างทันท่วงที ทำให้แข้งโสมขามซัดไปติดเซฟนายทวารแซมบ้า
เปิดฉากครึ่งหลังไปได้เพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้นเสีงเฮก็ดังสนั่นทั่วแอนฟิลด์ หลังจาก หงส์แดง ส่งลูกเข้าไปตุงตาข่ายได้จากมาเน่ที่ยกบอลข้ามตัวจอห์น รัดดี้ ซึ่งเปลี่ยนลงมาเฝ้าเสาแทนที่ของซาตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง เข้าไปได้สำเร็จ แต่เจ้าของแชมป์แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ 2022 จากเซเนกัลโดนจับล้ำหน้าไปอย่างน่าเสียดาย
หลังจากนั้น ลิเวอร์พูล ก็พยายามขึงเกมรุกพร้อมค่อย ๆ นวดเพื่อหวังประตูชัย แต่ก็ได้แค่เสียวไปเสียวมาเท่านั้นเอง และยังไม่สามารถควานหาประตูปลดล็อกในเกมนี้ได้สำเร็จเสียที
อย่างไรก็ดีหงส์แดงก็มาได้ประตูที่ต้องการพร้อมแซงนำ 2-1 จนได้ในนาทีที่ 84 จากการเปิดลูกเตะมุมของเทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์เข้าไปในเขตโทษให้โกนาเต้โขกจังหวะแรกโดนสกัดคาบเส้นประตูออกมา แต่ก็ยังไม่พ้นอันตรายเมื่อบอลมาเข้าหัวของโฌแอล มาติปที่เติมเกมรุกขึ้นไปโขกซ้ำดาบสอง ก่อนที่โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซึ่งถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองของเกมนี้ในช่วงครึ่งหลัง จะตามไปจัดการบอลเข้าไปตุงตาข่าย ซึ่งทำให้ซาลาห์ครองดาวซัลโวร่วมกับซน ฮึง-มิน โอป้าสุดหล่อทีมชาติเกาหลีใต้ของสเปอร์ส ในท้ายที่สุด
ก่อนที่เกมจะก้าวเข้าสู่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ลิเวอร์พูลมาได้ประตูย้ำชัยไปเป็น 3-1
จากการทำชิ่งของแอนดรูว์ โรเบิร์ตสันกับโรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ก่อนที่แบ็กซ้ายจอมบุกทีมชาติสกอตแลนด์จะกดประตูปิดท้ายในแอนฟิลด์ฤดูกาลนี้เข้าไปอย่างเฉียบขาด
แม้ว่า หงส์แดง จะคว้าชัยไปได้ตามเป้าหมายในเกมนี้ แต่ว่าเทพีแห่งโชคก็ยังไม่เข้าข้าง เนื่องจากยังไม่ดีพอที่จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกไปครองได้สำเร็จเพราะว่าโดนเรือใบสีฟ้าปาดหน้าไปเพียงแค่แต้มเดียวเท่านั้นเอง
รายชื่อผู้เล่นตัวจริงที่ลงสนาม:
ลิเวอร์พูล (4-3-3): อลีสซง เบ็คเกอร์, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โฌแอล มาติป, อิบราฮิม่า โกนาเต้, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, ติอาโก้ อัลกันตาร่า (เจมส์ มิลเนอร์ นาทีที่ 46), จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, นาบี เกอิต้า (โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ นาทีที่ 70), หลุยส์ ดิอาซ, ซาดิโอ มาเน่, ดีโอโก้ โชต้า (โมฮาเหม็ด ซาลาห์ นาทีที่ 58)
ผู้จัดการทีม: เจอร์เก้น คล็อปป์
วูล์ฟแฮมป์ตัน (3-5-2): โชเซ่ ซา (จอห์น รัดดี้ นาทีที่ 46), วิลลี่ โบลี่, คอเนอร์ โบลี่, โตติ, รายาน เอท-นูริ, รูเบน เนเวส, จอนนี่, ชูเอา มูตินโญ่, เลอันโดร เดนดองเกอร์ (ตรินเกา นาทีที่ 90), เปโดร เนโต้ (ฮวาง อี-ซาน นาทีที่ 22), ราอูล ฮิเมเนซ
ผู้จัดการทีม: บรูโน่ ลาช
ผู้ตัดสิน: แอนโธนี่ เทย์เลอร์

