ท่ามกลางสถานการณ์สงครามระหว่าง ยูเครน กับรัสเซียที่ยืดเยื้อมาจนถึงนาทีนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อใด แต่ก็ยังมีข่าวดีแทรกเข้ามาในข่าวร้าย โดยยังคงอยู่บนเส้นทางลุ้นตั๋วไปลุย ศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้ายที่กาตาร์รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพในช่วงปลายปีนี้ หลังจากบุกไปสอยสกอตแลนด์ 3-1 ในเกมเพลย์ออฟโซนยุโรป รอบรองชนะเลิศ เมื่อคืนวันพุธที่ 1 มิถุนายน 2022
ทีมเยือน มีลุ้นเป็นฝ่ายบุกไปขึ้นนำตั้งแต่นาทีที่ 8 เมื่อโอเล็กซานเดอร์ คาราวาเยฟหยอดบอลจากทางด้านขวาเข้าไปในเขตโทษของ สกอตแลนด์ แม้ว่ารุสสัน มาลินอฟสกี้จะจับบอลวืด แต่กลับกลายเป็นดีไปเข้าทางปืนของวิคเตอร์ ทชีกานคอฟได้ซัดเข้าข้อ แต่ว่าเคร็กกอร์ กอร์ดอนยังปัดเอาไว้ได้ช่วยให้เจ้าถิ่นแดนวิสกี้รอดพ้นจากการเสียประตูไปตั้งแต่ไก่โห่
หลังจากนั้นยังคงเป็นทีมเยือนที่ประเคนเกมรุกบุกเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง และได้ลุ้นเสียวอีกครั้งในนาทีที่ 17 โดยโรมัน ยาเร็มชุคหมุนตัวรับบอลในเขตโทษ แล้วจอห์น แม็คกินถอยลงมาช่วยเกมรับแต่ดันจิ้มบอลไปเข้าทางอังเดร ยาร์โมเลนโก้ซัดไปติดเซฟของกอร์ดอน
กอร์ดอนช่วยเซฟสกอตแลนด์เอาไว้ได้อีกครั้งในนาทีที่ 20 จากการอ่านเกมขาดออกมาตัดบอลจากการจ่ายอ้อมแนวรับเจ้าบ้านของทชีกานคอฟก่อนที่บอลจะไปถึงยาเร็มชุค
ยูเครนเร่งเครื่องเดินเกมรุกบุกเข้าใส่นวดสกอตแลนด์จนได้ที่
ทำให้บุกไปขึ้นนำจนได้ในนาทีที่ 33 โดยยาร์โมเลนโก้วิ่งหลุดกับดักล้ำหน้าของสกอตแลนด์พร้อมเกี่ยวบอลโยนยาวไปให้มาลินอฟสกี้กระดกบอลข้ามหัวกอร์ดอนเข้าไปตุงตาข่ายได้สำเร็จ 1-0
สกอตแลนด์อาการโคม่าหนักกว่าเดิม หลังเปิดฉากครึ่งหลังไปได้เพียงแค่ 4 นาทีก็ต้องมาเสียเม็ดสองให้หนีห่างออกไปเป็น 2 – 0 โดยยาร์โมเลนโก้ส่งบอลไปให้โอเล็กซานเดอร์ คาราวาเยฟวางบอลจากทางด้านซ้ายเข้าไปในกรอบ 6 หลาหน้าปากประตูเจ้าถิ่น ก่อนที่ยาเร็มชุคจะชิงเหลี่ยมโหม่งย้อนไปเข้าเสาไกลได้สำเร็จ
เจ้าบ้านพลาดโอกาสทองในการตีไข่แตกไปในนาทีที่ 67 เมื่อสกอตต์ แม็คโทมิเนย์สไลด์ปาดบอลไปโดนนายทวารทีมเยือน อย่างจอร์จี้ บุชชานปัดบอลลอย ก่อนที่แม็คกินน์จะชิงโหม่งสวนอย่างทันควัน แต่เจ้ากรรมบอลดันหลุดกรอบออกไปได้แทบไม่น่าเชื่อสายตาแฟนสกอต์แลนด์ทั้งแฮมป์เด้น พาร์ค
สกอตแลนด์เดินเกมรุกบุกเข้าใส่เป็นชุดหวังทวงประตูคืนให้เร็วที่สุด และก็ได้ลุ้นอีกดอกในนาทีที่ 76 โดยเช อดัมส์สปีดมาเก็บบอลพร้อมหลอกล่อแนวรับทีมเยือน ก่อนที่จะหวดสวนตูมเดียวไปที่ทางด้านขวาของประตู แต่ว่าบุชชานก็ยังลุ้มตัวทุบบอลทิ้งออกไปได้อย่างทันท่วงที
แต่หลังจากนั้นอีกเพียงแค่ 3 นาทีสกอตแลนด์ก็มาตีไข่แตกไล่มาเป็น 1-2 จากความผิดพลาดของบุชชานที่ปัดบอลแป็กจากการลองส่องไกลนอกกรอบของคัลลั่ม แม็คเกรเกอร์ แม้ว่า ทารอส สเตปาโน่จะเตะทิ้งออกมา แต่ว่าบอลนั้นมันข้ามเส้นประตูไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ช่วงเวลาที่เหลือสกอตแลนด์โหมเกมรุกบุกเป็นพายุหวังไล่บี้ตีเสมอเพื่อต่อลมหายใจไปลุ้นในช่วงต่อเวลาพิเศษ แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นต้องมาสังเวยเม็ดสาม ย้ำชัยไป 3-1 เมื่อก้าวเข้าสู่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 5 จากการหลุดเดี่ยวของอาร์เต็ม โดฟบิค ซึ่งลงมาเป็นตัวสำรองในเกมนี้ สวมบทซูเปอร์ซับเข้าไปล่อเป้ากอร์ดอน ก่อนที่จะส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายได้ไม่ยากเย็น
ชัยชนะในเกมนี้ทำให้ ยูเครน ผ่านรอบตัดเชือกไปได้สำเร็จ แต่ว่าด่านสุดท้ายก็ต้องออกไปเยือนอีกหนึ่งทีมจาก สหราชอาณาจักรอย่างเวลส์ ในคืนวันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน 2022 ตามเวลาในบ้านเราที่ 23.00 น. เพื่อเฟ้นหาอีกหนึ่งทีมสุดท้ายที่จะเป็นตัวแทนของทวีปยุโรปได้ไปลุยศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้ายที่กาตาร์ในช่วงปลายปีนี้ต่อไป
รายชื่อผู้เล่นตัวจริงที่ลงสนาม:
สกอตแลนด์ (4-3-3): เคร็ก กอร์ดอน, อารอน ฮิคกี้, แกรนท์ ฮานลี่ย์, เลียม คูเปอร์ (แจ็ค เฮนดรี้ นาทีที่ 68), แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, บิลลี่ กิลมอร์ (สจ๊วร์ต อาร์มสตรอง นาทีที่ 68), สกอตต์ แม็คโทมิเนย์, คัลลั่ม แม็คเกรเกอร์, เช อดัมส์, ลินดอน ไดค์ส (ไรอัน คริสตี้ นาทีที่ 46), จอห์น แม็คกินน์
ผู้จัดการทีม: สตีฟ คลาร์ค
ยูเครน (4-1-4-1): จอร์จี้ บุชชาน, โอเล็กซานเดอร์ คาราวาเยฟ, อิลิย่า ซาบาร์นยี่, มิโคลา มัตวิเยนโก้, วิตาลี่ มิโกเลนโก้, ทาราฟ สเตปาเนนโก้ (เซอร์เก ซิดอร์ชุค นาทีที่ 90), อังเดร ยาร์โมเลนโก้ (โอเล็กซานเดอร์ ชุบคอฟ นาทีที่ 78), รุสสัน มาลินอฟสกี้ (มิโคล่า ซาปาเรนโก้ นาทีที่ 72), โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้, วิคเตอร์ ทชีกานคอฟ (มิไฮลอ มูดริก นาทีที่ 72), โรมัน ยาเร็มชุค (อาร์เต็ม โดฟบิค นาทีที่ 79)
ผู้จัดการทีม: อเล็กซานเดอร์ เพตราคอฟ
ผู้ตัดสิน: แดนนี่ มัคเคลี่ (ฮอลแลนด์)
