หงส์แดงแรงไม่ตกบุกตบปืนใหญ่จี้เรือใบห่างแต้มเดียว
ลิเวอร์พูล ยังคงรักษาฟอร์มเทพได้อย่างต่อเนื่องด้วยการใส่เกียร์ห้าเดินหน้ากวาดชัยในพรีเมียร์ลีกติดต่อกันเป็นนัดที่ 9 จากการบุกไปสอนบอลอาร์เซน่อลถึงเอมิเรตส์ สเตเดี้ยมด้วยสกอร์ชิล ๆ 2-0 ในเกมพรีเมียร์ลีกนัดบิ๊กแมตช์ เมื่อค่ำคืนวันพุธที่ 16 มีนาคม 2022
สิ้นเสียงนกหวีดยาวจากผู้ตัดสินที่เป่าเริ่มเกมไปได้เพียงแค่ 2 นาทีลิเวอร์พูลเกือบบุกไปขึ้นนำอย่างรวดเร็ว โดยเทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์เปิดเตะมุมจากทางด้านขวาไปหน้าปากประตูให้เฟอร์กิล ฟาน ไดค์เติมเกมรุกขึ้นมาโขกจากระยะไม่ถึง 12 หลาบอลพุ่งเกือบเสียบเสาแรก แต่ว่าแอรอน แรมส์เดลพุ่งปัดออกไปได้อย่างฉิวเฉียด
อาร์เซน่อล ออกหมัดตอบโต้คืนบ้างในนาทีที่ 9 จากจังหวะที่บูกาโย่ ซาก้าที่บรรจงตักบอลไปที่เสาไกลให้กาเบรียบ มาร์ตินเดลลี่วิ่งมาวอลเลย์แบบกึ่งยิงกึ่งผ่าน แต่ว่าบอลยังไปติดโฌแอล มาติป
เกมนี้ทั้งคู่ดูเหมือนจะคอนโทรลบอลได้ลำบากไม่น้อยเลยทีเดียว เนื่องจากมีฝนเทลงมาอย่างหนัก และอาร์เซน่อลก็มีลุ้นได้ประตูบ้างในนาทีที่ 33 เมื่อลากาแซตต์ไหลบอลให้กรานิต ชาคาซัดด้วยซ้ายจากนอกเขตโทษบอลหลุดออกหลัง
นาทีสุดท้ายของครึ่งแรกเป็นฝ่ายทีมเยือนได้ลุ้นส่งท้าย โดยที่อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ตักบอลยาวผ่านคู่เซ็นเตอร์ของเจ้าถิ่น แต่ว่ามาเน่สอดขึ้นมาจับบอลยาวไปทำให้ซัดเหินข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย

จบครึ่งแรก: อาร์เซน่อล 0 ลิเวอร์พูล 0
เปิดฉากครึ่งหลังไปได้เพียงแค่นาทีเดียวเท่านั้นเอง ลิเวอร์พูลก็เกือบได้ประตูขึ้นนำ หลังจากจอร์แดน เฮนเดอร์สันให้มาเน่เข้าไปซัลโวตุงตาข่ายได้ในนาทีที่ 46 แต่ว่าผู้ตัดสินเป่าเป็นลูกล้ำหน้าไปเสียก่อน
แต่ว่าถัดมาอีกเพียงแค่นาทีเดียวเท่านั้นเอง มาร์ตินเดลลี่ก็จัดการเผาแนวรับลิเวอร์พูลด้วยการโยกหลอกอเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์พร้อมแตะบอลลอดขาเฮนเดอร์สันเข้าไปในเขตโทษ ก่อนที่จะปาดบอลเรียดไปในกรอบ 6 หลาหน้าปากประตู แต่ว่าเพื่อนร่วมทีมตามขึ้นมาไม่ทันจึงโดนเคลียร์ออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
อาร์เซน่อล น่าจะเป็นฝ่ายออกนำ 1-0 ในเกมนี้ในนาทีที่ 51 จากความผิดพลาดของติอาโก้ อัลกันตาร่าที่ส่งคืนหลังพลาด แล้วโดนลากาแซตต์ฉกบอลไปพร้อมแตะหลบอลีสซง เบ็คเกอร์ ก่อนที่จะส่งคืนหลังให้มาร์ติน โอเดการ์ด มิดฟิลด์ดาวโรจน์ทีมชาตินอร์เวย์ ซัดด้วยซ้าย แต่ว่ายังไม่ผ่านจอมหนึบมือหนึ่งทีมชาติบราซิลที่พุ่งตามมาปัดไปได้อย่างสุดติ่งกระดิ่งโดราเอมอน
หลังจากนั้นอีกเพียงแค่ 3 นาทีกลายเป็นทางฝั่งลิเวอร์พูลที่บุกไปขึ้นนำ 1-0 เมื่อติอาโก้ อัลกันตาร่าโชว์ความเหนือชั้นด้วยการแทงบอลงามหยดให้ดีโอโก้ โชต้าหลุดเข้าไปตะบันเข้าเสาแรกไปแบบชนิดที่แรมส์เดลพยายามสุดกำลังแล้วแต่ว่าปัดบอลไม่ออกเข้าไปตุงตาข่าย ซึ่งนับเป็นลูกที่ 13 ของพ่อค้าแข้งจากแดนฝอยทอง รวมทั้งยังเป็นการรัวใส่ไอ้ปืนใหญ่เป็นเม็ดที่ 5 ในฤดูกาลนี้อีกด้วย
เมื่อได้ประตูปลดล็อกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คล็อปป์ก็จัดแจงปรับหมากทันทีในนาทีที่ 56 ด้วยการเปลี่ยนรวดเดียวสองคน โดยส่งโมฮาเหม็ด ซาลาห์ลงไปล่าตาข่ายแทนดิอาซ เช่นเดียวกับฟีร์มีโน่ ที่ลงไปรับบทเพชฌฆาตแทนโชต้า
การปรับหมากของคล็อปป์เห็นผลในทันตาเมื่อเข้าสู่นาทีที่ 62 จากการที่แนวรับของอาร์เซน่อลสมาธิแตกเคลียร์บอลไม่ขาดไปติดแอนดรูว์ โรเบิร์ตสันลากเข้าไปปาดไปที่หน้าปากประตูให้ฟีร์มิโน่สวมบทซูเปอร์ซับสับบอลเข้าไปที่เสาแรก 2-0
หลังจากต้องมาเสียเม็ดสองให้ ลิเวอร์พูล ทำให้มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมคนเก่งของอาร์เซน่อล ไม่มีทางเลือกต้องเทหมดหน้าตักด้วยการส่งตัวรุกอย่างเอมิล สมิธ โรว์, นิโกลาส์ เปเป้ และเอ็ดดี้ เอ็นเคเทียร์ลงไปผนึกกำลังร่วมกันในแนวรุกเพื่อหวังทวงประตูคืนมาให้ได้อย่างเร็วที่สุด
ก่อนหมดเวลา 3 นาทีอาร์เซน่อลมีลุ้นตีไข่แตกจากจังหวะที่ชาคาแทงบอลออกทางด้านซ้ายไปให้มาร์ตินเนลลี่หลุดเข้าไปตะบันด้วยขวา แต่ว่าบอลพุ่งเฉียดเสาไกลออกไปอย่างน่าเสียดาย
รายชื่อผู้เล่นตัวจริงที่ลงสนาม:
อาร์เซน่อล (4-2-3-1): แอรอน แรมส์เดล, เซดริก โซอาเรส, เบน ไวท์, กาเบรียล มากัลเญส, คีแรน เทียร์นี่ย์, กรานิต ชาคา, โธมัส ปาเตย์, บูคาโย่ ซาก้า (นิโกล่าส์ เปเป้ นาทีที่ 74), มาร์ติน โอเดการ์ด (เอมิล สมิธ โรว์ นาทีที่ 67), กาเบรียล มาร์ตินเนลลี่, อเล็กซ็องดร์ ลากาแซตต์ (เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียร์ นาทีที่ 81)
ผู้จัดการทีม: มิเกล อาร์เตต้า
ลิเวอร์พูล (4-3-3): อลีสซง เบ็คเกอร์, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, โฌแอล มาติป, แอนดรูว์ ริบร์ตสัน, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่, ติอาโก้ อัลกันตาร่า (เคอร์ติส โจนส์ นาทีที่ 90), หลุยส์ ดิอาซ (โมฮาเหม็ด ซาลาห์ นาทีที่ 56), ดีโอโก้ โชต้า (โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ นาทีที่ 56), ซาดิโอ มาเน่
ผู้จัดการทีม: เจอร์เก้น คล็อปป์
ผู้ตัดสิน: อังเดร มาร์ริเนอร์

