กีฬา, ข่าวทั่วไป, ฟุตบอล

น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์หวนคืนสู่ Premier League หนแรกในรอบ 23 ปีหลังเชือดฮัดเดอร์สฟิลด์ 1-0 | Championship : Play-off

น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์

น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ อดีตแชมป์ยูโรป 2 สมัย หวนกลับขึ้นมาสู่เวทีพรีเมียร์ลีกได้อีกครั้งในรอบ 23 ปี  หลังจากเชือด ฮัดเดอร์สฟิลด์ ไปหวุดหวิด 1-0 ในนัดชิงชนะเลิศ เพลย์ออฟเดอะ แชมเปี้ยนชิพ ที่สนามเวมบลี่ย์ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม 2022 ทำให้ทีมเจ้าป่าจะได้กลับขึ้นไปโลดแล่นบนเวทีลีกสูงสุดของเมืองผู้ดีอีกครั้ง  หลังจากตกชั้นไปตั้งแต่ในฤดูกาล 1998 – 1999 โน่นเลยทีเดียว

ฟอเรสต์เป็นฝ่ายออกหมัดก่อนในนาทีที่ 12 โดยเจมส์ การ์เนอร์ครอสบอลจากทางด้านซ้ายเข้าไปให้ไรอัน เยทส์ได้โขกบอลพุ่งถากเสาออกไปชนิดที่ได้เสียวกันเลยทีเดียว

ทีมเจ้าป่าเป็นฝ่ายครองเกมได้เหนือกว่าฮัดเดอร์สฟิลด์  และมีโอกาสได้ลุ้นขึ้นนำอีกครั้งในนาทีที่ 21 จากการลองส่องไกลจากนอกกรอบเขตโทษของเยทส์  แต่ว่าบอลเหินข้ามคานออกไปไกล

 

น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์

 

ก่อนหมดครึ่งแรก 2 นาที น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์อเรสต์ได้ประตูพร้อมขึ้นนำ 1-0 แบบโชคช่วย

โดยการ์เนอร์เปิดบอลยัดเข้าไปที่กรอบ 6 หลาหน้าปากประตู  แล้วเทพีแห่งโชคเข้าข้างทีมเจ้าป่าให้บอลไปชนลีโว่ โคลวิลล์ ทำให้บอลเปลี่ยนทางเข้าประตูตัวเองไป

แม้ว่าฮัดเดอร์สฟิลด์จะเปิดฉากครึ่งหลังด้วยการโหมเกมรุกบุกใส่ ฟอเรสต์ เป็นชุด  แต่สุดท้ายก็ยังคงไม่มีโอกาสจะแจ้งพอที่จะเปลี่ยนให้กลายเป็นสกอร์ตามตีเสมอได้สำเร็จ  และกลายเป็นทางฝั่งฟอเรสต์มีโอกาสบวกเม็ดสองในเกมนี้จากนาทีที่ 70 เมื่อการ์เนอร์ตั้งป้อมตะบันด้วยขวาจากระยะราว 30 หลา  แต่ว่าบอลก็โค้งไปเข้ามือลี นิโคลัสรับกินนิ่ม

น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ยังคงเป็นฝ่ายบุกได้น้ำได้เนื้อมากกว่าฮัดเดอร์สฟิลด์  และมีลุ้นหนีห่างออกไปเป็น 2-0 ในนาทีที่ 70 จากจังหวะที่เยทส์ขยับมาเชื่อมบอลหน้าเขตโทษ  แต่ว่าบอลลั่นหลุดเท้าขวากลายเป็นดีไปเข้าทางปืนของเบรนแดน จอห์นสันหวดเต็มข้อล่อเต็มแข้งบอลพุ่งผ่านหน้าประตูหลุดออกเสาไกลไปอย่างน่าเสียดาย

แต่ว่าหลังจากนั้นอีกเพียงแค่ 3 นาทีเท่านั้นเอง  ทางด้านฮัดเดอร์สฟิลด์ก็มีลุ้นได้จุดโทษ  หลังจากแฮร์รี่ ทอฟโฟโล่พาบอลแหวกเข้าไปในเขตโทษ  ก่อนที่จะโดนแจ็ค โคลแบ็กเกี่ยวขาร่วงลงไปกองกับพื้นสนาม  แต่กลับกลายเป็นว่าผู้ตัดสินในเกมนี้อย่างโจนาธาน มอสส์มองว่าเป็นการพุ่งล้มพร้อมแจกใบเหลืองให้ทอฟโฟโล่  ก่อนที่จะให้มีการเช็กวีเออาร์แต่สุดท้ายก็ไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะเป็นลูกจุดโทษแต่อย่างใดเลย

ช่วงท้ายเกมฮัดเดอร์สฟิลด์โหมเกมรุกเข้าใส่ฟอเรสต์อย่างเต็มสูบ  และมีลุ้นได้จุดโทษอีกครั้ง  โดยคราวนี้เป็นลูอิส โอเบรียนพาบอลแหวกเข้าไปในเขตโทษ  ก่อนที่จะโดนแม็กซ์ โลว์ตามมาแซะร่วงจากทางด้านหลัง  แต่ว่าช็อตนี้ก็ยังไม่เข้าตามอสส์ที่จะเป่าให้เป็นจุดโทษ

ฮัดเดอร์สฟิลด์สู้จนหยดสุดท้าย และก็ได้ลุ้นอีกเฮือกเมื่อเวลาก้าวเข้าสู่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 3 โดยที่โอเบรียนสอดมารับบอลทางหน้าเขตโทษด้านซ้าย  ก่อนที่จะปาดบอลตามน้ำโค้งไปที่เสาไกล  แล้วบอลเฉี่ยวเท้าเพื่อนร่วมทีมหลุดออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

ชัยชนะสำคัญในแมตช์นี้  ทำให้ฟอเรสต์สิ้นสุดการรอคอยมานาน 23 ปีตั้งแต่ร่วงตกชั้นไปในฤดูกาล 1998 – 1999 ก่อนที่จะต้องไปวนเวียนอยู่ในลีกระดับล่างของเมืองผู้ดีมาร่วมสองทศวรรษจึงสามารถผงาดกลับคืนสู่สังเวียนแข้งพรีเมียร์ลีกได้อีกครั้ง

สำหรับตัวแทนจากเดอะ แชมเปี้ยนชิพอังกฤษที่ได้เลื่อนขึ้นสู่ศึกพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2022 – 2023 เป็นฟูแล่มที่คว้าแชมป์ไปครองก่อนหน้านี้  รวมไปถึรองแชมป์อย่างงบอร์นมัธ  และตั๋วใบสุดท้ายก็ตกเป็นของฟอเรสต์ในที่สุด

ฟอเรสต์ จบศึกเดอะ แชมเปี้ยนชิพฤดูกาล 2021 – 2022 ด้วยการเข้าป้ายอันดับ 4 มี 80 คะแนนจาก 46 นัดพร้อมคว้าสิทธิ์เพลย์ออฟเลื่อนชั้นขึ้นสู่พรีเมียร์ลีกในซีซั่นหน้า  โดยในรอบเพลย์ออฟรอบตัดเชือก ทีมเจ้าป่าหักด่านเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดไปได้จากการบุกไปพิชิตทีมดาบคู่ได้ 2-1 ก่อนที่นัดสองจะเสมอไปด้วยสกอร์ 2-2 ทำให้ตบเท้าเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปด้วยสกอร์รวม 4-3 และสุดท้ายก็มาเอาชนะฮัดเดอร์สฟิลด์ไปได้แบบมีดวงช่วยหนุน 1-0 ทำให้แฟนเจ้าป่าต่างเฮกันสนั่นลั่นเวมบลี่ย์ด้วยความดีใจสุด ๆ

 

รายชื่อผู้เล่นตัวจริงที่ลงสนาม:

ฟอเรสต์ (3-4-1-2): บริซ แซมบ้า (เอธาน ฮอร์แวธ นาทีที่ 90),  โจ วอร์รอลล์,  สตีฟ คุ๊ก,  สกอตต์ แม็คเคนน่า,  เชด สเปนช์,  ไรอัน เยทส์,  เจมส์ การ์เนอร์,  แจ็ค โคลแบ็ก,  ฟิลิป ซิงเกอร์นาเกิล (แม็กซ์ โลว์ นาทีที่ 74),  เบรนแดน จอห์นสัน,  คีแรน เดวิส (แซม สเตอร์ริดจ์ นาทีที่ 66)

ผู้จัดการทีม: สตีฟ คูเปอร์

ฮัดเดอร์สฟิลด์ (4-3-3): ลี นิโคลัส,  ลีโว่ โคลวิลล์,  ทอม ลีส์,  นาบี ชาร์ (โจนาธาน รัสเซลล์ นาทีที่ 57),  ปีป้า,  โจนาธาน ฮ็อกก์,  ลูอิส โอเบรียน,  แฮร์รี่ ทอฟโฟโล่,  ซอร์บา โธมัส,  แดนนี่ วอร์ด (จอร์แดน โรห์เดส นาทีที่ 67),  ดาเนล ซินานี่ (ดูอาเม่ โฮลเมส นาทีที่ 66)

ผู้จัดการทีม: การ์ลอส กอร์เบราน

ผู้ตัดสิน: โจนาธาน มอสส์

rw24 banner